
🧊 วิธีเก็บรักษาท่อ HDPE อย่างถูกต้อง
ท่อ HDPE (High-Density Polyethylene Pipe) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในงานระบบส่งน้ำ งานอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนต่อสารเคมี และมีอายุการใช้งานยาวนาน อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาท่อ HDPE อย่างถูกวิธีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วย รักษาคุณภาพของท่อก่อนนำไปใช้งาน และ ลดความเสียหายระหว่างการจัดเก็บ
1. การจัดเก็บในร่ม
หากมีพื้นที่ในร่ม ควรเก็บท่อ HDPE ในบริเวณที่มีลักษณะดังนี้:
-
แห้ง ปราศจากความชื้นสะสม
-
มีการระบายอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดไอน้ำหรือเชื้อรา
-
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพราะรังสียูวีสามารถทำให้ท่อเสื่อมสภาพหรือกรอบก่อนเวลาอันควร
💡 การเก็บในร่มเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเก็บระยะยาว
2. การจัดเก็บกลางแจ้ง (Outdoor Storage)
ในกรณีที่ไม่สามารถจัดเก็บในร่มได้ ควร:
-
คลุมท่อด้วยผ้าใบกันน้ำหรือผ้าคลุม UV เพื่อป้องกันแสงแดด ฝุ่นละออง และฝน
-
ใช้วัสดุคลุมที่ ไม่ดูดซับความร้อน และสามารถ ระบายอากาศได้บางส่วน
-
จัดให้มีพื้นที่ระบายน้ำรอบกองท่อ เพื่อป้องกันน้ำขัง
⚠️ การเก็บกลางแจ้งในระยะยาวอาจส่งผลให้ผิวท่อซีดจางหรือเปราะง่าย หากไม่มีการป้องกันที่ดี
3. การวางซ้อนท่อ (Stacking Guidelines)
-
ควรวางท่อ ในแนวราบ บนพื้นเรียบ และ ไม่ลาดเอียง
-
ซ้อนท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง เท่ากันในแต่ละกอง
-
หลีกเลี่ยงการวางซ้อนท่อขนาดเล็กกับท่อขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้ท่อด้านล่าง เสียรูปทรงหรือบิดงอ
-
ไม่ควรวางสูงเกินไป — ควรจำกัดความสูงไม่เกิน 1.5-2 เมตร เพื่อความปลอดภัย
4. การป้องกันการกระแทกและแรงกดทับ
-
หลีกเลี่ยงการโยนท่อ หรือลากท่อบนพื้นหยาบ
-
ห้ามวางวัสดุหนัก หรือใช้รถโฟล์คลิฟต์วิ่งทับกองท่อ
-
การกระแทกที่จุดใดจุดหนึ่งอาจทำให้เกิด รอยร้าวภายในที่มองไม่เห็น และเสี่ยงต่อการรั่วเมื่อใช้งาน
5. การตรวจสอบสภาพท่อ (Inspection)
-
ควรตรวจสอบท่อเป็นระยะ โดยเฉพาะหากจัดเก็บเป็นเวลานาน
-
มองหารอยแตก รอยร้าว รอยบวม หรือบิดงอ
-
หากพบปัญหา ควรแยกท่อออกจากกองทันที เพื่อ ป้องกันความเสียหายลุกลาม
6. การทำความสะอาดท่อก่อนใช้งาน
-
ใช้ ผ้านุ่มและน้ำสะอาด เช็ดทำความสะอาดคราบฝุ่นหรือดิน
-
ห้ามใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น น้ำยาล้างกรดหรือเบสแรง เพราะอาจทำลายพื้นผิวของท่อได้
7. อุณหภูมิที่เหมาะสมในการจัดเก็บ
-
หลีกเลี่ยงบริเวณที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
-
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการจัดเก็บท่อ HDPE คือ -20°C ถึง 60°C
-
หากอยู่ในที่ร้อนเกินไป ท่ออาจอ่อนตัวและเสียรูปทรง
-
หากเย็นจัด ท่ออาจเปราะง่ายและแตกเมื่อเกิดแรงกระแทก